หนังสือ Grammar “ภาษาอังกฤษ” เป็นภาษาที่มีบทบาทสำคัญเนื่องจากเป็นภาษากลางของโลก ทำให้การสื่อสารและแหล่งความรู้ต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษเสียส่วนใหญ่ จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการสื่อสารที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในปัจจุบันก็มีหนังสือภาษาอังกฤษที่ดีและเข้าใจง่ายออกมาวางจำหน่ายมากมาย ซึ่งหนังสือแต่ละเล่มนั้นก็จะสอดคล้องกับการเรียนรู้ที่เหมาะสมของแต่ละคนด้วยสำหรับทักษะภาษาอังกฤษสามารถแบ่งออกเป็น 4 ทักษะหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ ฟัง, พูด, อ่าน และเขียน แต่สิ่งที่จัดว่าเป็นส่วนสำคัญก็คือ “ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ (Grammar)” ดังนั้นวันนี้ เราจึงตั้งใจนำข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือ Grammar มาฝากกันโดยเฉพาะ ทั้งเนื้อหาวิธีการเลือกที่ใคร ๆ ก็นำไปใช้ได้ พร้อมกับคำแนะนำเพิ่มเติมจากติวเตอร์ภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ และยังมี 10 อันดับ หนังสือ Grammar ยอดนิยมที่หลาย ๆ คนนำมาใช้ในการฝึกฝนภาษาอังกฤษของตัวเองด้วยครับ
วิธีการเลือก หนังสือ Grammar
หนังสือ Grammar การซื้อหนังสือ Grammar สักเล่ม เราควรจะเลือกให้เหมาะสมกับระดับความรู้ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานของตนเองมากที่สุด เพื่อสร้างความเข้าใจที่มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เราสามารถนำไปต่อยอดใช้กับการเรียน การทำงาน และใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูวิธีการเลือกกันก่อนเลยครับ
1.เลือกหนังสือ Grammar ตามระดับความยาก-ง่ายของเนื้อหา
การเลือกหนังสือ Grammar ที่มีระดับความยาก-ง่ายเหมาะสมกับตนเอง จะช่วยให้เราเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น เหมือนกับการขึ้นบันไดที่เราต้องค่อย ๆ ไต่ไปทีละระดับ ซึ่งการวัดระดับว่าตัวเราอยู่ในขั้นไหนแล้วนั้น สามารถวัดได้จากเว็บไซต์ทั่วไปบนอินเทอร์เน็ต โดยส่วนใหญ่จะใช้การวัดระดับ CEFR ที่เป็นมาตรฐานสากลครับ
Basic Level ในระดับพื้นฐานหรือเบสิกนั้น ถ้าหากนับตามระดับ CEFR จะอยู่ในระดับ A ครับ โดยระดับนี้จะเน้นในเรื่องไวยากรณ์พื้นฐานที่ควรรู้ เช่น คำนำหน้านาม (Article), คำนาม (Noun), คำคุณศัพท์ (Adjective), โครงสร้างประโยค (Sentence Structure) และรูปกริยาที่แสดงเวลา (Tense) เป็นต้น ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานให้แน่นเพื่อนำไปต่อยอดในอีกระดับ อีกทั้งยังใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วยครับ
Intermediate Level สำหรับระดับกลางนั้น ในระดับ CEFR จะอยู่ในระดับ B ครับ โดยที่ระดับนี้จะต้องสามารถเข้าใจความซับซ้อนของประโยคได้มากขึ้น รวมถึงสามารถอธิบายความคิดของตนเองได้ ไวยากรณ์จึงมีความยากมากขึ้น เช่น ประโยคเงื่อนไข (Conditional Sentence), คำถามเชิงอ้อม (Indirect Question), คำกริยาช่วยแสดงมาลา (Modal Verb) และคำเชื่อมประโยคประเภทให้ความสำคัญไม่เท่ากัน (Subordinating Conjunction) เป็นต้น
Advanced Level สำหรับระดับสูงหรือที่เรียกกันว่าระดับแอดวานซ์ ถ้าหากอยู่ในระดับ CEFR จะอยู่ในระดับ C ซึ่งผู้ที่อยู่ระดับนี้จะต้องสามารถพูดคุยกับเจ้าของภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงสามารถเขียนเรียงความและอ่านหนังสือภาษาอังกฤษได้เข้าใจถ่องแท้ โดยไวยากรณ์จะมีความซับซ้อนสูงขึ้นมาก เช่น ประโยคย่อย (Clause) และวลี (Phrasal) อีกทั้งเน้นในเรื่องภาษาทางการและไม่ทางการเพื่อใช้ในการเรียนและทำงานด้วยครับ
2.เลือกหนังสือ Grammar ที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย
รูปแบบของภาษาที่ใช้ในหนังสือ Grammar ควรอยู่ในรูปแบบที่กระชับ ไม่ซับซ้อนและไม่ดูวิชาการจนเกินไป โดยเฉพาะในประโยคที่ใช้เพื่ออธิบายเนื้อหา ไม่เช่นนั้นเราอาจจะต้องเสียเวลาในการตีความเพื่อทำความเข้าใจ ทางที่ดีควรเลือกหนังสือ Grammar ที่ใช้การบรรยายด้วยภาษากึ่งทางการหรือภาษาพูดทั่วไปจะดีที่สุดครับ เพราะเป็นภาษาที่จดจำได้ง่ายและช่วยให้เราสามารถจำประโยคนั้น ๆ ได้เลยโดยไม่ต้องตีความประโยคให้ยุ่งยากนั่นเอง
3.เลือกหนังสือ Grammar ที่มีข้อสอบพร้อมเฉลย
ในการฝึกฝนเรื่อง Grammar หากเราอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียวเราอาจไม่มั่นใจว่าเรามีความรู้ในระดับไหนกันแน่ ดังนั้น อีกหนึ่งวิธีที่เราอยากแนะนำก็คือ เลือกหนังสือที่มาพร้อมข้อสอบและเฉลยครับ ซึ่งเฉลยที่อยู่ในเล่มควรจะเป็นแบบที่อธิบายคำตอบโดยละเอียด เพื่อที่เราจะได้รู้ถึงข้อผิดพลาดหรือจุดที่ควรแก้ไข นอกจากนี้ การทำข้อสอบยังถือเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้เราสามารถจดจำไวยากรณ์ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้นด้วย เนื่องจากการเรียนรู้ไวยากรณ์ไม่ใช่แค่การท่องจำ แต่ต้องอาศัยความเข้าใจด้วยนั่นเองครับทั้งนี้ทั้งนั้น หนังสือที่มีข้อสอบบางเล่มจะเน้นไปที่ข้อสอบเฉพาะเลย เช่น สำหรับการสอบ IELTS, TOEIC, TOEFL, GAT, TU-GET และ CU-TEP เป็นต้น สำหรับใครที่อยากจะเน้นข้อสอบชุดไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถเลือกซื้อหนังสือ Grammar ที่มีเนื้อหาแบบเฉพาะทางไปเลยจะตอบโทย์ที่สุดครับ
4.เลือกหนังสือ Grammar ให้เหมาะสมกับช่วงวัย
การเลือกหนังสือ Grammar ให้เหมาะสมกับช่วงวัยนั้นก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญครับ เพราะหากให้เด็กเล็กอย่างเด็กประถมอ่านหนังสือที่มีแต่ตัวอักษร จะทำให้พวกเขาเบื่อง่ายและไม่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ ดังนั้น เราจึงควรเลือกหนังสือที่มีรูปภาพหรือรูปการ์ตูนประกอบให้กับเด็กประถม เพื่อให้เกิดความดึงดูดใจแก่เด็ก ๆ และช่วยทำให้เด็กมีสมาธิจดจ่อกับการอ่านหนังสือมากขึ้นอย่างไรก็ตาม หนังสือ Grammar ที่มีภาพประกอบนั้นไม่ได้เหมาะสมกับวัยประถมเพียงอย่างเดียว แต่วัยรุ่นหรือวัยทำงานขึ้นไปก็ควรเลือกซื้อหนังสือที่มีรูปภาพประกอบบ้างเป็นบางส่วนเช่นกันครับ เพราะถ้าหากอ่านหนังสือที่มีแต่ตัวอักษรเพียงอย่างเดียว อาจทำให้เราเกิดอาการตาลายได้ แถมรูปภาพประกอบยังช่วยเพิ่มความเข้าใจในเนื้อหานั้น ๆ ให้กับเรามากขึ้นด้วยนะครับ หนังสือ Grammar